02-4194736-7
ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
เขียนโดย
Sarin S
00:56
ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
เดิมห่วงอนามัยไม่มีสารหรือตัวยาที่จะช่วยออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิด ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 70 มีการพัฒนาเอาสารออกฤทธิ์ช่วยคุมกำเนิดใส่ไว้ในห่วงอนามัย ได้อก่ ทองแดง และฮอร์โมนโปรเจสติน
กลไกการคุมกำเนิด
ห่วงอนามัยไม่ได้ยับยั้งการตกไข่ ดังนั้นหญิงผู้ใช้จะมีรอบเดือนเป็นธรรมชาติ ตัวห่วงอนามัยซึ่งอยู่ในโพรงมดลูกสามารถป้องกันได้โดย
1.ป้องกันไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปผสมกับไข่ได้ เนื่องจากสารออกฤทธิ์ เช่น ทองแดงทำปฏิกิริยากับเยื่อบุโพรงมดลูก เกิดเป็นการอักเสบเฉพาะที่ ซึ่งจะมีการหลั่งสารต่างๆรวมทั้งมีการชุมนุมของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทั้งหมดทำให้อสุจิถูกทำลาย หรือคุณภาพด้อยลงมาก
2.มีกระบวนการรบกวนการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว
วิธีใช้ห่วงอนามัย
ห่วงอนามัยจำเป็นต้องใส่โดยแพทย์หรือพยาบาลที่ได้รับการอบรมและจำเป็นต้องใส่โดยปราศจากเชื้อ
คำแนะนำหลังการใส่ห่วงอนามัย
1.การนัดมาตรวจหลังใส่ห่วงอนามัยครบ 1 เดือน หรือตามความเหมาะสม
2.หลังใส่ห่วงอนามัยระยะแรกๆ อาจมีอาการปวดหน่วงท้องน้อยบ้าง อาจมีตกขาวเพิ่มขึ้นหรือประจำเดือนอาจไม่เหมือนเดิม
3.สอนให้ผู้รับบริจาคตรวจสายห่วงด้วยตัวเอง ตรวจเดือนละครั้ง หลังจากประจำเดือนหมดใหม่ๆ เพื่อตรวจสอบว่าห่วงยังอยู่ในมดลูกปกติ
ประสิทธิภาพ
ห่วงอนามัยเป็นวิธีการคุมกำเนิดระยะยาวมีประสิทธิภาพในการใช้จริงใกล้เคียงกับประสิทธิภาพทางทฤษฎี จัดเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีปนะสิทธิภาพสูงมากเกือบเท่ากับยาฝังคุมกำเนิด มีอัตราการตั้งครรภ์ 0.5 ต่อสตรี 100 คนต่อปี
อาการข้างเคียง
คือ อาการหน่วงท้องน้อย เนื่องจากมดลูกอาจมีอาการบีบตัวเป็นระยะแรกๆ มีตกขาวเพิ่มขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาเฉพาะที่ และอาจมีประจำเดือนออกมากและนานได้บ้างในบางราย เนื่องจากมดลูกบีบตัวมากขึ้นและมีการหลั่งสาร prostaglandins เพิ่มมากขึ้น
ในปัจจุบันมีห่วงอนามัยใช้ในประเทศไทย 2 ชนิดคือ
1.ห่วงอนามัยชนิดทองแดง ใช้คุมกำเนิด
2.ห่วงอนามัยชนิดฮอร์โมน ใช้คุมกำเนิดและใช้ในหญิงที่มีประจำเดือนมามาก หรือปวดประจำเดือน
หน่วยอนามัยการเจริญพันธุ์และงานวางแผนครอบครัว
ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
02-4113011 02-4194736-7
เดิมห่วงอนามัยไม่มีสารหรือตัวยาที่จะช่วยออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิด ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 70 มีการพัฒนาเอาสารออกฤทธิ์ช่วยคุมกำเนิดใส่ไว้ในห่วงอนามัย ได้อก่ ทองแดง และฮอร์โมนโปรเจสติน
กลไกการคุมกำเนิด
ห่วงอนามัยไม่ได้ยับยั้งการตกไข่ ดังนั้นหญิงผู้ใช้จะมีรอบเดือนเป็นธรรมชาติ ตัวห่วงอนามัยซึ่งอยู่ในโพรงมดลูกสามารถป้องกันได้โดย
1.ป้องกันไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปผสมกับไข่ได้ เนื่องจากสารออกฤทธิ์ เช่น ทองแดงทำปฏิกิริยากับเยื่อบุโพรงมดลูก เกิดเป็นการอักเสบเฉพาะที่ ซึ่งจะมีการหลั่งสารต่างๆรวมทั้งมีการชุมนุมของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทั้งหมดทำให้อสุจิถูกทำลาย หรือคุณภาพด้อยลงมาก
2.มีกระบวนการรบกวนการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว
วิธีใช้ห่วงอนามัย
ห่วงอนามัยจำเป็นต้องใส่โดยแพทย์หรือพยาบาลที่ได้รับการอบรมและจำเป็นต้องใส่โดยปราศจากเชื้อ
คำแนะนำหลังการใส่ห่วงอนามัย
1.การนัดมาตรวจหลังใส่ห่วงอนามัยครบ 1 เดือน หรือตามความเหมาะสม
2.หลังใส่ห่วงอนามัยระยะแรกๆ อาจมีอาการปวดหน่วงท้องน้อยบ้าง อาจมีตกขาวเพิ่มขึ้นหรือประจำเดือนอาจไม่เหมือนเดิม
3.สอนให้ผู้รับบริจาคตรวจสายห่วงด้วยตัวเอง ตรวจเดือนละครั้ง หลังจากประจำเดือนหมดใหม่ๆ เพื่อตรวจสอบว่าห่วงยังอยู่ในมดลูกปกติ
ประสิทธิภาพ
ห่วงอนามัยเป็นวิธีการคุมกำเนิดระยะยาวมีประสิทธิภาพในการใช้จริงใกล้เคียงกับประสิทธิภาพทางทฤษฎี จัดเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีปนะสิทธิภาพสูงมากเกือบเท่ากับยาฝังคุมกำเนิด มีอัตราการตั้งครรภ์ 0.5 ต่อสตรี 100 คนต่อปี
อาการข้างเคียง
คือ อาการหน่วงท้องน้อย เนื่องจากมดลูกอาจมีอาการบีบตัวเป็นระยะแรกๆ มีตกขาวเพิ่มขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาเฉพาะที่ และอาจมีประจำเดือนออกมากและนานได้บ้างในบางราย เนื่องจากมดลูกบีบตัวมากขึ้นและมีการหลั่งสาร prostaglandins เพิ่มมากขึ้น
ในปัจจุบันมีห่วงอนามัยใช้ในประเทศไทย 2 ชนิดคือ
1.ห่วงอนามัยชนิดทองแดง ใช้คุมกำเนิด
2.ห่วงอนามัยชนิดฮอร์โมน ใช้คุมกำเนิดและใช้ในหญิงที่มีประจำเดือนมามาก หรือปวดประจำเดือน
หน่วยอนามัยการเจริญพันธุ์และงานวางแผนครอบครัว
ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
02-4113011 02-4194736-7
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น: